แน่นอนว่าคงไม่มีใครอยากจบความสัมพันธ์กับคนที่ตนเองรัก แต่หากความรักมาถึงทางตัน ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งหมดรัก วันที่เลิกกันก็ต้องมาถึง จงอย่าได้ร้องไห้ฟูมฟาย ตั้งสติและบอกตัวเองเข้าไว้ว่าผู้หญิงอย่างเราต้องสตรอง ต้องไม่ทำให้ผู้ชายที่ปล่อยให้เราหลุดมือไปคิดได้ว่า “ดีแล้วที่ทิ้งคุณไป” แต่จงทำให้ผู้ชายเหล่านั้น หันกลับมาเลียวมองและบอกกับตัวเองว่า “น่าเสียดายที่ทิ้งคุณไป” แทน
หากใครที่ยังไม่รู้จะเริ่มต้นทำยังไง วันนี้ Jeab.com ก็ได้นำ 9 ข้อคิดเรื่องความรักจากคนดัง ที่จะทำให้เราสวยมั่นต่อได้ แม้จะอกหักมาฝากให้ได้ชมเป็นกำลังใจก้อนโตๆ และอ้อมกอดแรงๆ กันค่ะ มาดูกันสิว่าพวกเธอคนดังเหล่านี้ จะมีความคิดเรื่องความรักที่สตรองได้น่าเอาเป็นแบบอย่างขนาดไหน
“The best way to mend a broken heart is time and girlfriends.” – Gwyneth Paltrow
“สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับการรับมือกับอาการอกหักก็คือ เวลา และ เพื่อนสาวของคุณ” – กวินเน็ธ พาโทร
“Noting is ever for sure, but when something in love doesn’t work form the beginning, it’s never going to work. Don’t push it.” – Vanessa Paradis
“ไม่มีสิ่งไหนแน่นอนตลอดไป ถ้าคุณรู้สึกได้ว่าความรักนี้ มันไม่ใช่ตั้งแต่แรก มันก็คือไม่ใช่ อย่าได้ฝืนใจของตัวเองเลย” – วาเนสซา พาราดิส
“A bad love experience is no reason to fear a new love experience.” – Anne Hathaway
“ประสบการณ์ความรักที่แย่ ไม่ใช่เหตุผลที่จะต้องกลัวและปิดกั้นตัวเองเพื่อที่จะมีรักครั้งใหม่” – แอน แฮทธาเวย์
“Am I lonely? Am I upset? Yes. Am I Confused? Yes. Do I have my days when I’ve thrown a little pity party for myself? Absoloutely. But I’m also doing really well. I’d be a robot if I said I didn’t feel moments of anger, of hurt, of embarrassment…[but] You joke and say, ‘What doesn’t kill you makes you stronger’.” – Jennifer Aniston
“ถามว่าฉันเหงาไหม? เหงาสิ เศร้าไหม? เศร้าสิ สับสนไหม? ก็สับสน แต่มันก็เป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว ถ้าฉันบอกว่าฉันไม่ได้รู้สึกอะไร ฉันก็คงกลายเป็นหุ่นยนต์ อย่าลืมว่า ความเจ็บปวดนี้แหละ จะทำให้เราแข็งแกร่งขึ้น“ – เจนนิเฟอร์ อนิสตัน
“I’m not sure what the future holds but I do know that I’m going to be positive and not wake up feeling desperate. As my dad said ‘Nic, it is what it is, it’s not what it should have been, not what it could have been, it is what it is.’” – Nicole Kidman
“ฉันไม่แน่ใจว่าหลังจากแยกทางกัน ในอนาคตจะเป็นอย่างไร แต่ที่แน่ใจที่สุดคือ ฉันจะต้องไม่โศกเศร้า หรือทำตัวน่าสมเพชโดยเด็ดขาด เพราะพ่อฉันเคยสอนไว้ ‘นิค มันเป็นอย่างที่มันเป็น ลูกต้องยอมรับความจริง และใช้ชีวิตต่อไปให้ได้”- นิโคล คิดแมน
“You can allow yourself 72 hours of wallowing time. Then you’ve got to get into the gym, stop eating the ice cream and move on.” – Jennifer Love Hewitt
“คุณสามารถปล่อยให้ตัวเองหมกหมุ่นกับความเสียใจได้แค่ 72 ชั่วโมง จากนั้นหยุดกินไอศกรีม และไปยิมซะ ฟิตร่างกายให้เป๊ะจนเขาเสียดาย และก้าวต่อไป” – เจนนิเฟอร์ เลิฟ ฮิววิตต์
“At the time… I just wanted to crawl in my bed and die. But I got out of it the other side, I’m surviving. I kind of saw the light at the end of the tunnel.” – Rita Ora
“อย่างเดียวที่ฉันอยากทำในตอนนั้น คือ ซุกตัวอยู่ในผ้าห่มและตาย แต่ฉันก็รอดผ่านจุดนั้นมาได้ เหมือนได้เห็นแสงไฟจากปลายอุโมงค์ ซึ่งต่อจากนี้ก็ไม่มีอะไรสามารถทำร้ายฉันได้อีกแล้ว” – ริต้า โอรา
“It ended in a way that was awful. When something ends in a way like that, it’s important if you can, go back and revisit it and either shut that door or create a new room. So it was a very healthy, cathartic experience.” – Sienna Miller
“ความสัมพันธ์ที่จบลงอย่างน่ากลัว เมื่อไหร่ที่มันจบลง สิ่งสำคัญคือ ถ้าคุณสามารถย้อนกลับไปทบทวนดูว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเพราะอะไร แล้วจะทำอย่างไรต่อไป จะปิดประตูหัวใจตตลอดไป หรือ จะสร้างห้องใหม่ดี มันจะเป็นประสบการณ์ที่แข็งแกร่งสำหรับคุณ” – เซียนนา มิลเลอร์
“I believe that everything happens for a reason. People change so that you can learn to let go, things go wrong so that you appreciate them when they’re right, you believe lies so you eventually learn to trust no one but yourself, and sometimes good things fall apart so better things can fall together.” – Marilyn Monroe
“ฉันเชื่อว่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้นมีเหตุผลสำหรับมันเสมอ คนเราเปลี่ยนแปลงก็เพื่อเรียนรู้การปล่อยวาง เจอคนที่แย่ถึงได้รู้คุณค่าของคนที่ใช่ หลงเชื่อคำโกหกก็เพื่อเชื่อในตัวเองมากขึ้น และบางครั้งในสิ่งดีๆ ก็ต้องมีล้มเหลวบ้าง เพื่อเปิดโอกาสให้กับสิ่งที่ดีกว่าเข้ามา” – มารีลีน มอนโร
