ภาพจำที่ใครหลายคนมีต่อ ‘เชฟแก้ว – ปวีณ์นุช ยอดปรีชาวิจิตร’ รวมทั้งตัวเราด้วย คือ หญิงสาวที่เรียบร้อย พูดน้อย แต่เปี่ยมไปด้วยความมุ่งมั่น ตั้งใจ เรามักเห็นเธอง่วนอยู่คิทเช่น สเตเดียม หยิบกระทะ เปิดเตาอบ ทำอาหารด้วยความรวดเร็ว แต่ไม่ละทิ้งความพิถีพิถัน แต่ละเมนูเธอจะใส่วัตถุดิบที่ชื่อ ‘ความคิดสร้างสรรค์’ ลงในอาหารแต่ละจาน และนำเสนอด้วยเรื่องราวออกมาเป็นเมนูแปลกใหม่อยู่เสมอๆ เราเห็นเธอครั้งแรกผ่านรายการ MasterChef Thailand season 1 จนกระทั่งล่าสุดรายการ THE NEXT IRON CHEF Thailand season 2 เธอก็ยังไม่ละทิ้งภาพจำที่เรามี แต่พ่วงมาพร้อมกับตำแหน่งแชมป์ MasterChef Thailand season 1 คนแรกห้อยท้าย ดังนั้นเมื่อเราได้มีโอกาสได้นั่งคุยกับเชฟแก้วแบบ Exclusive เลยไม่พลาดที่จะชวนทุกคนมาทำความรู้จักกับเธอให้มากขึ้นกว่าเดิม
อาชีพในฝันจาก ‘เจ้าหญิง’ มาสู่ ‘เชฟ’
อาชีพในฝันสมัยเด็กของเชฟแก้ว อาจไม่ได้อยากเป็นครู เป็นแอร์โฮสเตส เหมือนกับเด็กผู้หญิงหลายๆ คน แต่เธออยากเป็น ‘เจ้าหญิง’ คำตอบของเธอสร้างความแปลกใจให้กับเราไม่น้อย จำได้ว่าเราถามเธอกลับ ‘เป็นอาชีพเจ้าหญิงเลยเหรอคะ’ เธอหัวเราะเขินๆ และตอบเรากลับว่า ‘ใช่’ ซึ่งนั่นคือจุดเริ่มต้นที่เราได้คุยกับเชฟแก้วอย่างจริงจัง และ ได้รู้จักตัวตนของเธอมากขึ้นกว่าเดิม…
“แก้วอยากเป็นเจ้าหญิง สมัยเด็กแก้วชอบดูการ์ตูนเจ้าหญิงมาก เจ้าหญิงที่แก้วชอบ คือ เจ้าหญิงเบลล์ และ มู่หลาน” เมื่อเราถามต่อว่าเพราะอะไร เธอถึงชอบเจ้าหญิงดิสนีย์ 2 คาแรกเตอร์นี้ เชฟแก้วตอบเราว่า “แรกเริ่มแก้วไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร แต่หลังจากที่แก้วโตขึ้น เข้าเรียนที่นิเทศจุฬา แก้วถึงได้รู้เหตุผลว่า เพราะทั้ง 2 คาแรกเตอร์นี้สะท้อนความเป็น ‘ผู้หญิงเก่ง’ ที่แก้วอยากเป็น เป็นผู้หญิงเก่ง ที่มีทั้งความรู้ และ มีความกล้าที่จะต่อสู้กับสิ่งต่างๆ”
จุดเริ่มต้นที่ทำให้อยากลองทำอาหารครั้งแรก
เชฟแก้วเล่าว่า “หากไม่นับการหั่นผักช่วยคุณแม่ เมนูแรกที่แก้วทำ คือ สปาเกตตี้มีตบอล มันไม่ได้เป็นมีตบอล แต่แบบมันอินสไปร์มาจากสปาเกตตี้มีตบอล เพราะน้องชายอยากกิน ก็ดิสนีย์เหมือนกัน ทรามวัยกับไอ้ตูบอ่ะค่ะ ที่เป็นเลดี้แอนด์เดอะแทรมป์ แล้วน้องหมาเขากินสิ่งนี้กันแล้วมาจุ๊บกัน แล้วน้องชายแก้วอยากกินสิ่งนี้ ซึ่งบ้านแก้วจีนมาก จีนแบบผัดผัก หมี่ซั่ว ไม่ใช่สปาเกตตี้ ก็เลยลองทำให้น้องกิน ก็มีสปาเกตตี้ ซอสมะเขือเทศ แครอตไม่สุก ไส้กรอก แก้วก็จำไม่ได้แล้ว แต่แก้วจำได้ว่ามันไม่อร่อย แก้วกินแล้วไม่อร่อยเลย”
ซึ่งดูจากตรงนี้ก็น่าจะเห็นว่า จุดเริ่มต้นในการทำอยากทำอะไรสักอย่างมันเริ่มต้นจากจุดเล็กๆ ได้ เพราะอยู่ที่ใจล้วนๆ
‘จุดเปลี่ยน’ ที่ตัดสินใจไปสมัครแข่งขันทำอาหาร
เชฟแก้วเล่าว่า เมื่อก่อนเธอต้องดูแลอาม่า ช่วงนั้นเหมือนเธอไม่ได้ทำอะไร เธอไปเรียนเลอ กอร์ดอง เบลอมา มีความฝันอยากทำอาหาร อยากเปิดร้านอาหาร แต่จู่ๆ เหมือนตัวเองจมอยู่กับที่ พอวันหนึ่งได้ดู MasterChef Australia มันเกิดเป็นไอเดียขึ้นบางอย่าง ส่วนหนึ่งก็ต้องหล่อเลี้ยงตัวเอง บวกกับคุณพ่อ คุณแม่ก็ไม่อยากให้เป็นเชฟเท่าไหร่นัก เพราะในตอนแรกเขารู้สึกว่าเชฟ คือ กุ๊ก ต้องอยู่หน้าเตา มันเป็นงานที่เหนื่อย
เชฟแก้ว จำได้ขึ้นใจว่า จะมีคำๆ นี้ที่มาสเตอร์เชฟพูดบ่อยๆ ว่า
“มันจะทำให้คุณเปลี่ยนชีวิต มันจะทำให้คุณได้ทำอาหาร ซึ่งเราก็อยากไปแข่ง ตอนนั้นแบบต้องทำอย่างไร ถึงจะสามารถเข้าไปแข่งได้ ถ้าไปเรียนต่อที่ออสเตรเลีย เราจะสามารถเข้าไปแข่งได้มั้ย แล้ว MasterChef Thailand ก็เข้ามา แก้วก็เลยลองสมัครดู ซึ่งมันจะมีการสมัครสองแบบ แบบออนไลน์ กับ ไปสมัครด้วยตัวเอง แก้วเลือกไปสมัครด้วยตัวเอง ก็ขนอาหารไป ก็ไปแต่งจาน อุ่น ต่อหน้ากรรมการ ทำอาหารตรงนั้นเลย ก็ไม่ได้คิดว่าจะติด ไม่คิดว่าจะเข้ารอบ 100 คนด้วยซ้ำ และเขาก็โทรมาว่าติดเข้ารอบ 100 คนนะคะ”
นาทีที่เชฟแก้วแอบไปสมัครทั้งที่ไม่มีใครสนับสนุนการเป็นเชฟ ลึกๆ แล้วเธอคิดอะไรอยู่
“ถ้าไม่ลองก็คงจะเสียใจไปตลอดชีวิต ก็เลยอยากลองดู”
– เชฟแก้ว ปวีณ์นุช ยอดปรีชาวิจิตร –
นั่นเป็นคำตอบที่เราฟังแล้ว รู้สึกเห็นด้วยไม่น้อย ถ้ามีความฝัน คุณต้องลองทำดูสักตั้ง ถ้าหากไม่ทำก็คงเสียดายจริงๆ อย่างที่เธอว่าไว้
ใช้ passion เป็นใบเบิกทางให้พ่อแม่ยอมรับความฝัน
แม้ว่าแรกเริ่มที่บ้านของเธออาจไม่เห็นด้วยกับการเป็นเชฟ เพราะกลัวว่าลูกสาวคนเดียวจะเหนื่อย แต่เชฟแก้วได้ทำให้เราเห็นแล้วว่า การมีความฝัน และตั้งใจทำมันจริงๆ ก็สามารถทำให้ผู้หญิงคนหนึ่ง ก้าวเข้าสู่อาชีพที่ตนเองใฝ่ฝันได้ เธอสามารถเป็นเชฟ ทำให้ที่บ้านยอมรับได้ในวันนี้
“เมื่อทุกคนในครอบครัวเห็นแก้วมี Passion เต็มที่ เห็นความตั้งใจ เขาก็เริ่มแปลกใจ ตกใจ แล้วก็เริ่ม support ยอมรับในสิ่งที่แก้วตั้งใจทำ เปลี่ยนมุมมองที่มีต่อเราทำอาหาร และ ก็เชียร์เราตลอดทุกตอน”
จากฟังสิ่งที่เธอเล่ามา เชฟแก้วมีความมุ่งมั่นตั้งใจของเธอจึงเอาชนะใจพ่อแม่ได้ แต่อาจมีใครอีกหลายคนที่ยังไม่รู้จะทำอย่างไรให้พ่อแม่ยอมรับในสิ่งที่ตนเองชอบ เราถามเธอเพิ่มเติม อยากให้เชฟแก้วแนะนำน้องๆ เพิ่มเติมว่าควรทำอย่างไรดี
“อยากให้น้องๆ ตั้งใจทำ มุ่งมั่นให้พ่อแม่เห็นจริงๆ อาจจะเหมือนพ่อแม่แก้ว ตอนแรกเขาแค่ไม่คิดว่าเรามุ่งมั่นจริงๆ แต่ถ้าเราทำให้เขาเห็น เราอาจไปประกวด หรือ มีผลงานให้พ่อแม่เห็น เขาก็จะเริ่มยอมรับ พ่อแม่ทุกคนก็อยากให้เรามีความสุข เขาแค่อาจไม่มั่นใจว่าเราจะทำมันเป็นอาชีพได้ดีหรือเปล่า ต้องมากกว่าการพูด แต่เราต้องลงมือทำด้วย เพราะว่าการกระทำมันชัดเจนกว่าค่ะ”
‘ไอดอลของเชฟแก้ว’ สร้างแรงบันดาลใจให้ฝันมันใหญ่ขึ้น
เชฟแก้วเล่าถึงไอดอลในการทำอาหารของเธอให้เราฟังว่า คือ เชฟ Heston Blumenthal เขาเป็นเชฟที่ได้มิชลินสตาร์ 3 ดาว ร้านเขาชื่อ Fat Duck อยู่ที่อังกฤษ เป็นคนที่ทำอาหารแล้วมีความคิดสร้างสรรค์เหมือนเอาความคิดสร้างสรรค์มากมายที่เขามีในหัว แล้วเอามาให้คนเสพได้ ส่วนถ้าเชฟคนไทยที่เธอยกให้เป็นไอดอล คือ เชฟเอียน พงษ์ธวัช เฉลิมกิตติชัย

นอกจากนี้เธอยังมีมุมมองในการเป็นเชฟในแบบของเธอ สิ่งที่เชฟแก้วต้องการจะเป็นก็คือ เป็นเชฟที่มีเอกลักษณ์ มีสไตล์เป็นของตัวเอง เมเนจครัวได้ทั้งหมด เธอรู้สึกว่าเชฟที่เก่ง คือ คนที่สามารถรันครัวได้แบบตัวเองออกไปพูดข้างนอกแล้ว อาหารก็ยังออกมาดี เป็นคนคุมทุกอย่างได้หมด
คำว่า ‘ครีเอทีฟ’ ในมุมมองของเชฟแก้วต้องทำอย่างไร
เมื่อพูดถึง ‘ความคิดสร้างสรรค์’ เราอดถามถึงวิธีการหาความคิดสร้างสรรค์ของเธอไม่ได้ เพราะทุกครั้งที่เห็นเชฟแก้วทำอาหาร ไม่ว่าจะรายการ MasterChef Thailand หรือ THE NEXT IRON CHEF Thailand ในตอนนี้ เชฟแก้ว ถือว่าเป็นคนที่มีความคิดสร้างสรรค์ดีมาก เธอเล่าถึงแรงบันดาลใจไว้แบบนี้
“แก้วคิดว่า มันมาจากการที่เราไม่ได้เป็นเชฟมาก่อน เราไม่ได้อยู่ในร้านอาหารที่เป็นกรอบซะทีเดียว เราเป็นมือสมัครเล่นที่มาจากการดูรายการเยอะๆ คราวนี้เราก็จะมีความสร้างสรรค์มากกว่าคนที่ทุกอย่างเป็นระบบมาก่อน บางทีก็สร้างสรรค์หลุดโลกไปเหมือนกัน ความคิดสร้างสรรค์มันมาจากทุกอย่าง แก้วดูหนังเยอะ Cook Book แก้วก็อ่านเยอะ มันก็จะเห็นสไตล์ของเชฟต่างๆ แล้วเราก็ได้นำมามิกซ์ๆ กัน เราจะคิดว่าแบบวัตถุดิบอันนึง มันจะจับคู่กับอะไรได้บ้าง”
ฟังจากที่เธอเล่ามา เราอดคิดว่าเธอคงต้องรู้จักวัตถุดิบเยอะมากแน่ๆ เลย แต่ผิดคาด เมื่อเธอบอกกับเราว่า บางครั้งเธอเองก็ไม่รู้จักวัตถุดิบที่เจอ แต่เธอจะชิมก่อน และ ลิ้มรสชาติว่ามันใกล้เคียงกับอะไร ก่อนจะคิดเชื่อมโยงว่าจะนำวัตถุดิบนั้นมาทำเป็นเมนูใดได้บ้าง
รู้จักที่มาของการก้าวเข้ามาสู่วงการทำอาหารของเชฟแก้วมาพอสังเขปแล้ว เราลองมาทำความรู้จักตัวตนของผู้หญิงคนนี้ในมุมอื่นๆ กันบ้าง…
เติบโตอยู่ใน ‘กรอบ’ แต่หล่อหลอมเป็น ‘เชฟแก้ว’ ในวันนี้
“แก้วชอบตัวเองที่เป็นแบบนี้”
คำพูดที่เธอบอกกับเรา
เธอเล่าว่าเกิดในครอบครัวจีน แต่ที่บ้านไม่ได้จีนจ๋า เห็นลูกชายดีกว่า ความยากของเธอคือพ่อเลี้ยงดูเธอแบบไข่ในหิน แบบมีกรอบให้เรา เขาจะขยายกรอบเมื่อเราโตขึ้น ซึ่งจะต้องแต่งตัวเรียบร้อย พูดสุภาพ ไม่พูดถึงเพื่อนผู้ชาย คุณแม่ก็จะบอกให้เราเป็นแบบอย่างให้น้องชาย แรกๆ เธอรู้สึกเหนื่อย แต่โตขึ้นมาเธอกลับคิดว่ามันดีกับตัวเอง
“ด้วยความที่เราไม่ได้ออกไปเที่ยวกับเพื่อนเหมือนคนอื่นเขา เราก็จะมีเวลาในการอ่านหนังสือให้น้องฟัง ได้แต่งนิยาย ได้สกิลจากตรงนั้นมา เหมือนเรามีเวลาเท่ากัน แต่เราเอาเวลาตรงนั้นไปทำอย่างอื่น และการพูดสุภาพ การพูดนอบน้อม มันคือสิ่งที่ดีมากในการอยู่ในสังคม อยู่ในทุกอย่าง ซึ่งมันดีกับตัวเรา”
ก้าวข้ามอุปสรรคด้วยปรัชญา สไตล์เชฟแก้ว
เชฟแก้วเล่าว่า เธอมักใช้ปรัชญาในการดำเนินชีวิต ก้าวข้ามอุปสรรคต่างๆ ด้วย 2 ปรัชญาที่เธอชอบ
1. ‘Expect nothing appreciate everything’ – ไม่คาดหวังอะไรเลย แต่มีความสุขกับทุกอย่างที่เข้ามาในชีวิต
2. ‘ปัญหามันมี 2 อย่างในชีวิต ปัญหาที่แก้ได้ และ ปัญหาที่แก้ไม่ได้’ – ปัญหาที่แก้ได้ เราก็ไม่ต้องเครียดกับมัน เพราะมันแก้ได้ และ อีกอันคือปัญหาที่แก้ไม่ได้ ดังนั้นเราก็ไม่ต้องเครียด ถ้ามันแก้ไม่ได้ เราก็ปล่อยมันไป แล้วเอาไว้มันแก้ได้ หรือ เวลามันช่วยแก้ไข มันก็จะช่วยแก้ไขได้เอง ดังนั้นเราไม่จำเป็นต้องเครียดกับปัญหา
“เหมือนแก้วจะโตมากับปรัชญา เวลาแม่ถามว่าทำไมลูกถึงไม่โอเคเลย พ่อก็จะตอบกลับไปว่า ดอกไม้มันจะบานด้วยตัวเอง เหมือนเป็นพระในบ้าน แก้วโตมาอย่างนั้น เวลามีอะไรพ่อจะสอนว่าให้ไปคุยกับพ่อได้ ก็จะไปถามว่าถ้าเจอแบบนี้ทำอย่างไรดี พ่อก็จะพูดอะไรที่เป็นปรัชญาชีวิตออกมา เราก็จะเอาไปปรับใช้”
ไลฟ์สไตล์ของ ‘เชฟแก้ว’ ที่หลายคนอาจไม่เคยรู้
ถ้ามีหนึ่งวันที่ว่างๆ 24 ชม. เชฟแก้วชอบทำอะไรบ้าง หากเธอไม่ได้ทำอาหาร เธอจะทำอะไรบ้างนะ เป็นสิ่งที่เราอยากรู้
“ถ้าไม่ได้ทำอาหาร แก้วชอบอ่านนิยาย ดูซีรี่ส์ เล่นกับน้องหมา อยู่บ้าน สักพักก็จะลงไปคุยกับอาม่า อาม่าก็จะเล่าเรื่องเก่าๆ รอบที่ 30 40 ให้ฟัง แก้วไม่ค่อยได้ออกจากบ้าน ถ้าออกจากบ้านก็จะไปซูปเปอร์ ไปตลาด ซื้อของ”
เมนูโปรด
เรามักเห็นเชฟแก้วทำอาหารให้คนอื่นทานอยู่เสมอ แล้วตัวเชฟแก้วเองล่ะ เธอชื่นชอบเมนูอะไรบ้าง เมนูที่เธอโปรด คือ ชาบู และ สุกี้ อาหารรสจืดๆ นั่นไม่ทำให้เราแปลกใจเท่า เมนูอาหารเอเชียที่เธอชอบ เธอบอกเราว่า ชื่นชอบส้มตำปูปลาร้า เสือร้องไห้ ไส้หมูย่าง
หนังสือที่ชอบ
เธอบอกเราว่า เป็นคนที่ชอบอ่านหนังสือ หนังสือที่เธอชอบอ่านและอ่านบ่อยๆ เลย คือ Harry Potter , The Lord of the ring และ The Hunger Game เป็นแนวแฟนตาซีหมดเลย
“เราสามารถเลือกเรียนรู้ และ เลือกสิ่งดีๆ ที่อยู่ในนั้นออกมาได้”
– เชฟแก้ว ปวีณ์นุช ยอดปรีชาวิจิตร –
ภาพยนตร์ที่ชอบดู
ในส่วนของภาพยนตร์ที่เธอชอบ คือ เรื่อง Confession คำสารภาพ เป็นภาพยนตร์ญี่ปุ่น เป็นเรื่องที่ดาร์กมาก แต่มันนำเสนอความเรียล และมันสะท้อนเรื่องราวต่างๆ ออกมาว่าเพราะอะไร ถึงทำแบบนั้น ซึ่งเธอดูได้ครั้งเดียว แต่มันสะท้อนสังคมมากๆ เลย นอกจากนี้เธอชอบเรื่อง The boy in the striped Pyjamas
ค้นหาความฝันด้วยสิ่งที่ทำแล้วมีความสุข
“สิ่งที่แก้วชอบ คือ การไปเดินซูปเปอร์มาร์เกต เดินดูของไปอย่างนั้น แค่ได้ดูว่ามีน้ำส้มสายชูอะไรบ้าง มียี่ห้อไหนใหม่ แค่นี้ก็มีความสุขแล้ว”
– เชฟแก้ว ปวีณ์นุช ยอดปรีชาวิจิตร –
ในวันนี้เชฟแก้วโชคดีที่ค้นพบความฝันที่ตนเองอยากทำแล้ว และได้ลงมือทำมันจนสำเร็จ แต่อาจมีน้องๆ อีกหลายคนที่ยังตามหาความฝันไม่เจอ เธอแชร์วิธีค้นหาความฝันกับเราว่า
“ลองเขียนดูว่าเวลาที่เราว่าง เราเหนื่อย เราอยากทำอะไร แล้วลองดูว่าเราชอบทำอะไรจริงๆ เหมือนแก้วรู้ว่าตัวเองชอบทำอาหารตอนที่แก้วเรียนมหาลัย เหมือนแก้วเรียนแล้วเหนื่อยมาก ท้อมาก ก็ค่อยๆ ลองดูว่าเราชอบอะไร ทำอะไรแล้วมีความสุข แล้วลองลงมือทำ ถ้าเราทำบ่อยๆ แล้วยังชอบอยู่ ก็น่าจะพัฒนาไปเป็นอาชีพได้”
‘ไข่ช็อกโกแลต’ เมนูที่เปรียบเหมือนเชฟแก้ว
เราถามเธอว่า หากเปรียบตัวเธอเป็นเมนู เธอคิดว่าเหมือนเมนูอะไร เชฟแก้วตอบเราว่า “เป็นเมนูที่เป็นเหมือนไข่ช็อกโกแลตอันหนึ่งที่วางมาบนจาน แล้วก็เห็นมันเป็นแค่ไข่ช็อกโกแลตนั่นแหละ แล้วพอเราเอาช้อนตี มันก็จะมีทุกอย่างอยู่ในนั้น เป็นเมนูของหวาน จะมีสปองจ์ มีมูส มีทุกอย่างอยู่ข้างใน แก้วคิดว่าตัวเองเป็นเมนูนั้น” ทำไมถึงเปรียบตัวเองเป็นเมนูนี้ เราถามเธอต่อ เชฟแก้วเล่าว่า “เพราะแก้วดูเป็นคนเรียบๆ ดูไม่มีอะไร ถ้าไม่เข้ามารู้จักกันจริงๆ ก็จะไม่รู้ว่าแก้วเป็นคนอย่างไร”
ได้ทราบเมนูที่มีความเป็นเชฟแก้วแล้ว ก็อยากให้เธอช่วยแนะนำเมนูให้แฟนๆ Jeab.com สักนิด ในมุมมองของเชฟแก้ว เธอคิดว่าเว็บไซต์เราเหมาะกับเมนูอะไร เธอบอกว่า Jeab.com เหมือน ‘Passionata’ มีความหวานนิดๆ เปรี้ยวหน่อยๆ เป็นเค้กของฝรั่งเศส จะเป็นเค้กที่มีมูส 2 อัน คือ ราสเบอร์รี่ กับ เสวรส แล้วก็จะมีเค้กสองแบบ มีเค้กอันนึงเรียกว่าเค้กโจกง ห่ออยู่รอบๆ ฝั่งใต้เป็นสีแดงเหลือง และ มีเค้กที่เรียกว่าดักควาซ์ มีมะพร้าวอยู่ด้านใน กินแล้วสดชื่น จี๊ดจ๊าด อร่อย

เครดิตภาพ Facebook : KAEW Paweenuch
เรียกได้ว่าวันนี้เราได้กะเทาะเปลือกไข่ของตัวตนของเชฟแก้วกันอย่างละเอียดจริงๆ สุดท้ายนี้ เราขอทิ้งท้ายด้วยประโยคหนึ่งของเธอ ที่เราฟังแล้วรู้สึกว่าการที่ได้มานั่งคุยกับเธอในวันนี้ มันเป็นประสบการณ์ที่ดีเช่นเดียวกัน
“ไม่ว่าเราจะเจออะไรในชีวิต ก็เป็นประสบการณ์ที่ดี ไม่มีอะไรในโลกนี้ที่เราทำแล้วไม่ได้อะไรตอบแทนกลับมา มันอาจจะไม่ใช่เงินทอง ประสบการณ์ที่เข้ามาทุกอย่างล้วนดีทั้งนั้น เพราะเราจะได้เรียนรู้จากมัน”
– เชฟแก้ว ปวีณ์นุช ยอดปรีชาวิจิตร –
ขอขอบคุณสถานที่ : Co-Op สามย่านมิตรทาวน์ และ สามย่านมิตรทาวน์
Copyright © Jeab.com