กลับมาอีกครั้งกับการรีวิว iPhone รุ่นใหม่กับ Jeab.com ใครที่กำลังมองหาข้อมูลไว้ตัดสินเกี่ยวกับ iPhone 17 Series ตามเรามาดูรีวิว 2 รุ่นนี้กันได้เลย เปรียบเทียบในฟีเจอร์ที่เราใช้งานบ่อยๆ กันนะ
⚪️#iPhone17 มากับสีขาวละมุน ใช้ได้ทุกวันไม่มีเบื่อ
🟠#iPhone17Pro น้องส้มคอสมิก สีไฮไลท์ของรุ่น iPhone 17 Pro ใช้ให้รู้ว่าเราใช้ iPhone 17 Pro กันไปเลย น้องสวยเด่นตะโกนมาก
ทั้งสองสี สวยคนละสไตล์ อยู่ที่เพื่อนๆ ชอบสไตล์แบบไหน ถ้าชอบคลาสสิกหน่อยก็สีขาวหรือ Silver ใน iPhone17 Pro ก็ได้ ใช้นานแค่ไหนไม่มีเบื่อ แต่ถ้าใครชอบความสดใส สีส้มคือตัวเลือกที่ตอบโจทย์ได้เช่นกัน
#สเป็กเครื่อง
◾ iPhone 17
– ตัวเครื่องกรอกบอะลูมิเนียม
– มาพร้อมกับหน้าจอ 6.3 นิ้ว จอภาพแบบ Super Retina XDR จอภาพแบบติดตลอด
– กระจกด้านหน้าเป็น Ceramic Shield 2 ที่ทนการขีดข่วนได้มากขึ้นถึง 3 เท่าจากเดิม
– มาพร้อมชิป A19 มีความจุเริ่มต้นที่ 256 GB และมีสีให้เลือกทั้งหมด 5 สี คือ ลาเวนเดอร์ , เขียวเสจ, ฟ้าหมอก, ดำ และขาว ที่เรานำมารีวิวให้ชมกัน
◾ iPhone 17 Pro
– เป็นครั้งแรกที่มาพร้อมกับ Unibody อะลูมิเนียมชิ้นเดียวทั้งเครื่อง
– ขนาดหน้าจอ 6.3 นิ้วเช่นกัน จอภาพแบบ Super Retina XDR และ จอภาพแบบติดตลอด
– กระจกด้านหน้าเป็น Ceramic Shield 2 เช่นเดียวกับ iPhone 17 และด้านหลังก็มี Ceramic Shield
– มาพร้อมกับชิป A19 Pro และมี Vapor Chamber ที่ช่วยระบายความร้อนให้ตัวเครื่องคงประสิทธิภาพใช้งานได้นานต่อเนื่อง
– มีความจุเริ่มต้นที่ 256 GB และมีสีให้เลือกทั้งหมด 3 สี คือ สีส้มคอสมิก , สีเงิน และ สีน้ำเงินเข้ม
#กล้อง iPhone 17 และ iPhone 17 Pro
– รอบน้ีกล้องทุกตัวของ iPhone Series นี้มีกล้องหลัก 48 MP ทั้งหมด ทั้ง iPhone 17 และ 17 Pro และกล้องหน้าความละเอียด 18 MP เหมือนกันทั้งคู่
– iPhone 17 ซูมได้มากสุด 5X , ส่วน iPhone 17 Pro ซูมได้สูงสุด 8X
– ตัวกล้องนอกจากความละเอียดสูงแล้ว เนื่องจากใช้เป็นประจำบ่อยที่สุดเลยก็คือ ‘กล้อง’ ดังนั้นคุณสมบัติของกล้องรอบนี้ที่เราชอบมากเป็นพิเศษ จะมีดังน้ี
◾ ถ่าย vlog ง่ายกับชีวิตขึ้นเยอะ ไม่จำเป็นต้องถือมือถือแนวนอนเสมอไป แต่สามารถถือแนวตั้งเพื่อให้ถ่ายออกมาเป็นวิดีโอแนวนอนได้แล้ว
◾ ตัว Center Stage จะถ่ายรูปกับเพื่อน ถ่ายตัวเอง ถ่ายกับใคร เราก็ไม่มีทาง #ตกขอบ จอกันอีกแล้ว เพราะ iPhone 17 ใส่ฟีเจอร์ Center Stage เข้ามาเหมือนกับตัว MacBook M4 เข้ามาให้ใช้แล้ว ซึ่งจะจัดหน้าเราให้อยู่ตรงกลางสำหรับภาพถ่ายอยู่ตลอด หรือ อยู่ตรงกลางสำหรับวิดีโอคอลได้ด้วย
◾ ถ่ายด้วยระบบกล้องคู่ได้ สามาถรถ่ายออกมาพร้อมกันทั้งกล้องหน้า กล้องหลัง ไปด้วยกันได้เลย
◾ การถ่ายวิดีโอ
– iPhone 17 สามารถถ่ายแบบ Dolby Vision สูงสุด 4K ที่ 60 fps
– iPhone 17 Pro สามารถถ่ายแบบ Dolby Vision สูงสุด 4K ที่ 120 fps ทำให้โปรมากขึ้น
#เปรียบเทียบภาพถ่าย
อย่างที่รู้กล้อง iPhone แนวเรียลอยู่แล้ว เรื่องโทนสี Skintone ก็สามารถปรับแต่งสีเลือกโทนสีที่ชอบกับฟีเจอร์ Styles ของรูปภาพกันได้ ที่เห็นชัดเลย คือ ทั้งสองรุ่นภาพคมชัดมาก กล้องหน้า ความละเอียดสูงขึ้นเยอะ แต่ถ้าให้เทียบกันระหว่างสองรุ่น เรารู้สึกว่า iPhone 17 Pro ถ่ายออกมาแล้ว ส่วนตัวคิดว่าสวยจึ้งกว่า เพราะดีเทลอะไรคมชัดไปหมด แต่ตรงนี้แล้วแต่ความชอบแต่ละคนด้วย แนะนำให้ลองไปเล่นดูที่ช็อปอีกครั้งก่อนตัดสินใจก็ได้
มาดูตัวอย่างภาพกัน
#แบตเตอร์รี่
◾ iPhone 17 แบตเตอรี่เล่น video playback ได้นานถึง 30 ชม
◾ iPhone 17 Pro แบตเตอรี่เล่น video playback ได้นานถึง 31 ชม
ทั้งสองรุ่นสามารถชาร์จได้ไว ให้ถึงแบต 50% ได้เร็วขึ้น เมื่อใช้ adapter 40 watt ขึ้นไป
#AppleIntelligence
iPhone 17 และ iPhone 17 Pro ทั้งสองรุ่นรองรับ Apple Intelligence ที่ฉลาดมากขึ้น
#iOS26
การใช้ iPhone แต่ละรุ่นจะสนุกมากขึ้น เมื่อมาพร้อมกับ iOS เจ๋งๆ และ iPhone 17 Series นี้เปิดตัวมาพร้อมกับ iOS26 ที่จะเปลี่ยนให้หน้าจอเราสนุกสนานมากขึ้นด้วย Liquid Glass ไอคอนใสๆ ตกแต่งตัวเครื่องได้ไม่บดบัง Wallpaper ปรับแต่งหน้าจอในสไตล์ที่ชอบเองได้ และมีอีกหลายๆ ฟีเจอร์ที่น่าสนใจ ใครยังไม่อัพเกรด ลองอัพแล้วปรับแต่งกันดู
#อุปกรณ์ที่มากับเครื่อง
สำหรับอุปกรณ์เหมือนกับปีก่อน จะมีเพียงสายชาร์จ ที่เสียบซิม และ คู่มือ ไม่มี adapter ให้แล้วเหมือนเคย
และนี่ก็เป็นรีวิวคร่าวๆ ของเรา หวังว่าจะช่วยให้เพื่อนๆ ตัดสินใจเลือกรุ่นที่ตรงกับสเป็กที่ตัวเองชอบกันได้นะคะ
📱iPhone 17 Series มีวางจำหน่ายแล้วที่ Apple Store
– iPhone 17 ราคาเริ่มต้นที่ 29,900 บาท และ iPhone 17 Pro ราคาเริ่มต้นที่ 43,900 บาท รายละเอียดเพิ่มเติมดูได้ที่ www.apple.com
Copyright © Jeab.com