มีคนเคยถามผมว่า ถ้าอยากได้บ้านที่สวยงามน่าอยู่ ต้องทำอย่างไรบ้าง ดูเหมือนเป็นคำถามสั้นๆง่ายๆ แต่ถ้าจะตอบกันจริงๆแล้ว มีปัจจัยหลายอย่างที่ทำให้บ้านหลังนั้นสร้างเสร็จตรงตามความต้องการของเจ้า ของบ้าน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเงินทุน ระยะเวลา หรือที่ตั้งของบ้าน
แต่ปัจจัยหนึ่งซึ่งมีผลมากนั่นคือ ผู้ที่จะมาออกแบบบ้านของเราเป็นใคร และเจ้าของบ้านเองให้อิสระในการทำงานร่วมกับเขามากแค่ไหน เช้าวันหนึ่ง ผมนัดหมายมาพบเจ้าของบ้านหลังนี้เพื่อขอสัมภาษณ์และถ่ายภาพ ซึ่งเจ้าของบ้านและสถาปนิกของบ้านนั้นเป็นคนคนเดียวกัน คุณศักดา ประสานไทย เป็นสถาปนิกที่ทำงานออกแบบมามากมายทั้งบ้านและอาคารสาธารณะ ประสบการณ์และความรู้ที่สั่งสมมา ทำให้บ้าน หลังนี้น่าอยู่และเต็มไปด้วยรายละเอียดที่ทำให้บ้านอยู่สบาย หนังสือ “วัสดุสร้างบ้าน : Home and Materials” และ “รู้ทันงานก่อสร้าง” 2 ผลงานจากอีกหลายเล่มของคุณศักดาที่อยู่ในมือของผมตอนนี้ เป็นสิ่งหนึ่งที่ช่วยยืนยันว่าบ้านหลังนี้เกิดจากประสบการณ์ในการออกแบบและ สร้างบ้านที่สั่งสมมาแน่นอน
“การออกแบบบ้านสักหลังต้องถือเอาความต้องการของเจ้าของบ้านเป็นหลัก สำหรับบ้านของเรา เรารู้อยู่แล้วว่าความต้องการของเราและครอบครัวคืออะไร พยายามตัดทอนส่วนที่เกินความจำเป็นในชีวิตออกไปให้มากที่สุด ประเด็นสำคัญคือเรารู้ว่าบ้านที่น่าอยู่คือบ้านที่เย็นและเกิดภาวะน่าสบายใน ทุกๆช่วงเวลา หลายจุดในบ้านจึงคิดถึงเรื่องนี้ก่อนเรื่องอื่นๆ บ้านสวยแต่อยู่ไม่สบายก็ไม่ดี แต่ถ้าอยู่บ้านที่อยู่สบายและก็สวยด้วย ถือว่าได้กำไร
“การออกแบบเพื่อความพอดีจึงเป็นแนวคิดหลักของบ้านหลังนี้ ชีวิตอย่างทุกวันนี้ซึ่งดำเนินไปแบบระบบทุนนิยม บางครั้งอาจทำให้เราเข้าใจว่าบ้านต้องดูเยอะ ดูหรูมากกว่าคนอื่นไว้ก่อน ความจริงแล้วความพอดีเป็นสิ่งสำคัญที่สุด เพราะเมื่อไรที่พอ เมื่อนั้นบ้านก็จะออกมาดีเอง” บ้านสามชั้นหลังนี้มีพื้นที่ใช้สอยทั้งหมด 280 ตารางเมตร ตั้งอยู่ในซอยรัตนาธิเบศร์ 22 ซึ่งเงียบสงบ ตัวบ้านได้รับการออกแบบให้มีความโล่งและสามารถถ่ายเทอากาศได้ดี โดยชั้นล่างทำเป็นลานโล่งคล้ายใต้ถุนบ้านไทย สามารถนั่งเล่นท่ามกลางสวนเล็กๆที่จัดเอง บางส่วนทำเป็นห้องทำงานของคุณศักดา “การจัดห้องทำงานให้อยู่ด้านล่างทำให้เราไม่ต้องรบกวนพื้นที่ของครอบครัว ซึ่งอยู่ด้านบน ทั้งยังสามารถทำงานได้อย่างมีสมาธิด้วย ผมชอบห้องทำงานเรียบๆ เน้นความเป็นระเบียบ ไม่ต้องดูหรูหรา สามารถมองออกมาเห็นสวนสีเขียวที่ช่วยกันจัดได้ เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว
“ส่วนพื้นที่ชั้นสองเป็นส่วนรับประทานอาหาร ครัว และส่วนนั่งเล่น เน้นความต่อเนื่องที่ลื่นไหลเป็นส่วนเดียวกันทั้งชั้น เมื่อเปิดหน้าต่างที่ด้านหน้าและหลังของชั้นนี้ ลมก็จะพัดผ่านได้ตลอด ไม่ต้องเปิดเครื่องปรับอากาศเลย” คุณศักดายังบอกกับผมอีกว่ามีการยกพื้นบางส่วนและทำเป็นช่องหน้าต่างเล็กๆที่ พื้น คล้าย “ช่องแมวลอด” ของบ้านไทย เพื่อการถ่ายเทอากาศที่ดี สำหรับชั้นสาม เจ้าของบ้านยอมเสียพื้นที่สำหรับการได้ห้องนอนใหญ่โตมาเป็นพื้นที่โล่งของ ส่วนนั่งเล่นและส่วนรับประทานอาหารชั้นสอง เพราะนอกจากจะทำให้พื้นที่ของชั้นนี้ดูโปร่งด้วยฝ้าสูงแล้ว ห้องนอนชั้นบนก็ยังได้ช่องระบายอากาศที่ดีด้วย
“การออกแบบบ้านตัวเองยากไหม” ผมถามคำถามสุดท้ายก่อนจากกันในวันนั้น “ง่ายครับ เพราะเราเชื่อในความคิดของเราเอง เชื่อในความรู้ที่มีอยู่ ถ้าเราไม่เชื่อตัวเองซึ่งเป็นสถาปนิก เราก็ไม่น่าจะออกแบบบ้านให้คนอื่นได้ดีเช่นกัน” คุณศักดาบอกกับผมพร้อมรอยยิ้มที่มุมปาก การมาเยี่ยมชมบ้านหลังนี้ทำให้รู้สึกว่า ถ้าอยากจะรู้ว่าสถาปนิกคนนี้ออกแบบงานออกมาเป็นอย่างไร จะเป็นบ้านที่น่าอยู่และสวยงามไหม ให้ลองมาเยี่ยมบ้านของสถาปนิกหรือนักออกแบบคนนั้นดู ทั้งหมดจะปรากฏในบ้านหลังนั้นไม่มากก็มากที่สุด แต่สิ่งสำคัญที่สุด หากคิดจะทำงานร่วมกับสถาปนิกหรือนักออกแบบแล้ว จงให้พื้นที่ในการแสดงความคิดแก่เขาให้มากที่สุด เชื่อในตัวสถาปนิกของคุณ และฟังเสียงความต้องการของตัวเองด้วย รับรองว่าคุณจะได้บ้านที่สวยน่าอยู่แน่นอน
เรื่อง : “เอกราช ลักษณสัมฤทธิ์”
ภาพ : ปิยะวุฒิ ศรีสกุล
เจ้าของ – ออกแบบ: คุณศักดา – คุณปาริชาต ประสานไทย