9 เรื่องของ Chanel 2.55 ที่คนรักกระเป๋าควรรู้!

กระเป๋า Chanel 2.55 คือหนึ่งในสุดยอดกระเป๋าคลาสสิกที่ได้รับความนิยมตลอดกาล ซึ่งทุกวันนี้เป็นมากกว่ากระเป๋า 1 ใบ แต่กลายเป็นทั้งเครื่องบอกสถานะ เครื่องบอกรสนิยม หรือเป็นทรัพย์สินที่คุ้มค้าต่อการลงทุน นอกจากนี้ยังมีเรื่องราวที่น่าสนใจอีกมากมายที่ซ่อนอยู่ในกระเป๋าใบนี้ และนี่คือ 10 เรื่องราวของ Chanel 2.55 ที่คุณต้องรู้!

1. Chanel 2.55 เปลี่ยนเทรนด์กระเป๋าไปตลอดกาล

กระเป๋าใบแรกที่ Coco Chanel ดีไซน์ในปี 1929 เป็นกระเป๋าถือที่เหมือนกับกระเป๋าทั่วไปในยุคนั้น แต่ภายหลังเธอค้นพบถึงความยากลำบากในการใช้ เพราะเธอชอบสูบบุหรี่ แต่มือมักไม่ว่างเพราะต้องถือกระเป๋า ทำให้เธอจึงตัดสินใจเพิ่มสายกระเป๋าเข้าไป เพื่อให้สามารถใช้คล้องไหล่ได้ กระเป๋า Chanel 2.55 จึงถือกำเนิดขึ้นและเปลี่ยนให้เหล่าคนชั้นสูงหันมานิยมกระเป๋ามีสายนับตั้งแต่ปี 1955 เป็นต้นมา

Chanel-Reissue-255-Flap-Bag-Interior

2. “Double CC Locks” เป็นผลงานของ Karl Lagerfeld ไม่ใช่ Coco Chanel

กระเป๋า Chanel 2.55 เวอร์ชั่นออริจินัลนั้น ตัวล็อกจะเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสที่เรียกว่า Mademoiselle Lock (แบบเดียวกับรุ่น Reissue) แต่ในช่วงยุค 80’s หลังจากที่ Karl Lagerfeld เข้ารับตำแหน่ง Creative Director ก็ได้นำเอาโลโก้ตัวซีไขว้ใส่เข้าไปตรงฝาปิดแทน และกลายเป็นรุ่นยอดฮิตมาจนถึงปัจจุบัน

Chanel-Mademoiselle-vs-Interlocking-Lock

3. สายโซ่ “Leather-Woven Strap” ถูกผลิตขึ้นภายหลัง

แต่เดิมสายกระเป๋าจะเป็นโซ่โลหะอย่างเดียว แต่ภายหลังเกิดความขาดแคลนเรื่องวัตถุดิบ ทำให้ Coco Chanel นำเอาหนังมาผสมเข้าไปด้วย จนกลายเป็นสายกระเป๋าอันเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งสายโซ่ที่ถักด้วยเส้นหนังจะถูกใช้ในรุ่น Chanel Classic Flap Bag แต่หากเป็น Reissue จะเป็นสายโลหะทั้งเส้น15ClassicChain-vert

4. การบุหนังสีแดงเบอร์กันดีภายในกระเป๋า ได้แรงบันดาลใจมาจากเด็กกำพร้า

อีกหนึ่งเอกลักษณ์ของกระเป๋า Chanel 2.55 คือการบุหนังสีแดงเบอร์กันดีด้านในกระเป๋า ซึ่งช่วยส่งเสริมให้กระเป๋าดูหรูหรามากยิ่งขึ้น แต่ที่มาของสีเฉดนี้ มาจากสีของชุดยูนิฟอร์มที่ Coco Chanel เคยใส่ขณะที่เรียนอยู่ในคอนแวนต์สำหรับเด็กกำพร้า

Chanel-Reissue-227-4

5. ลายควิลท์ที่เป็นเอกลักษณ์ ได้แรงบันดาลใจจากเสื้อผ้าของทหาร

เรื่องราวชีวิตรักของเธอ มักถูกเล่าต่อผ่านงานดีไซน์ต่างๆ ลายควิลท์อันเป็นเอกลักษณ์ของ Chanel 2.55 นั้น ได้แรงบันดาลใจมาจากชุดทหารของหนึ่งในคนรักของ Coco Chanel นอกจากนี้กระเป๋ารุ่นดังอย่าง Boy Chanel ก็ยังได้แรงบันดาลใจจาก Boy Capel ชายคนรักของ Coco Chanel ที่ Karl Lagerfeld หยิบมาเล่าอีกครั้ง

Chanel-Reissue-Bag

6. Chanel 2.55 มีทั้งหมด 3 เวอร์ชั่น

ถึงแม้จะถูกเรียกรวมๆ ว่า Chanel 2.55 เหมือนกัน แต่ในความเป็นจริงแล้ว Chanel 2.55, Chanel Classic Flap Bag และ Chanel 2.55 Reissue มีความแตกต่างกัน โดย Chanel 2.55 จะเป็นกระเป๋าเวอร์ชั่นออริจินัลที่มีตัวปิดแบบ Mademoiselle Lock ออกแบบโดย Coco Chanel ส่วน Chanel Classic Flap Bag จะเป็นเวอร์ชั่นที่ผลิตในช่วงปี 1980s ซึ่งเปลี่ยนตัวล็อกให้เป็น Double CC และ Chanel Reissue ที่นำเอาตัวล็อกแบบดั้งเดิมมาทำใหม่ในปี 2005 ซึ่งทั้ง 2 รุ่นหลังดีไซน์โดย Karl Lagerfeld

7. Chanel 2.55 มีช่องลับที่ฝากระเป๋า

กระเป๋า Chanel 2.55 จะมีช่องซิปเล็กๆ อยู่ด้านในที่ฝากระเป๋า ซึ่งเป็นจุดที่ Coco Chanel ดีไซน์มาเพื่อไว้ซ่อนจดหมายรัก

Chanel-255-Flap-Bag-Interior-Pocket

8. ในปีแรกที่วางจำหน่าย Chanel 2.55 มีราคาเพียง $220 

ราคาของ Chanel 2.55 มีอัตราเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัวตั้งแต่วางจำหน่ายครั้งแรก ซึ่งในปี 1955 มีราคาเพียง $220 แต่ในปัจจุบันมีราคาสูงถึง $4,900 ทำให้กระเป๋ารุ่นนี้ถูกยกให้เป็นหนึ่งในทรัพย์สินที่ควรค่าแก่การลงทุน

1466179112-chanel-bag-facts-768x768
Image Source

9. Chanel 2.55 คือหนึ่งในกระเป๋าที่ถูกก็อปปี้มากที่สุดในโลก

เป็นเรื่องปกติของโลกที่สิ่งไหนได้รับความนิยมสูง (และมีราคาแพง) มักจะมีเวอร์ชั่นลอกเลียนแบบออกมาวางขายกันเกลื่อนตลาด กระเป๋า Chanel 2.55 คือหนึ่งในนั้น ซึ่งเป็นหนึ่งสิ่งที่นักสะสมกระเป๋าพึงระวังเมื่อจะต้องซื้อกระเป๋ามือ 2 จากแหล่งต่างๆ โดยต้องเป็นแหล่งที่น่าเชื่อถือ และควรรู้วิธีการดูกระเป๋าจริง VS ปลอมเบื้องต้นด้วย ทั้งการดูทรงกระเป๋า นับฝีเข็ม ดูลายควิลท์ ฯลฯ

Source : 1, 2

ติดตาม Jeab.com
Jeab.com มี LINE แล้วนะ
ติดตามเรื่องราวไลฟ์สไตล์ทันสมัยสำหรับผู้หญิงยุคดิจิตอล ได้ทุกวันผ่าน LINE ID @jeabdotcom

UPSTERRR!

FASHION IMITATES LIFE, LIFE IMITATES ART.

No Comments Yet

Leave a Reply

Your email address will not be published.

You may use these HTML tags and attributes: <a href="" title=""> <abbr title=""> <acronym title=""> <b> <blockquote cite=""> <cite> <code> <del datetime=""> <em> <i> <q cite=""> <s> <strike> <strong>


This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.