เจมี่ส์ อิตาเลี่ยน สาขาแรกในประเทศไทย เปิดแล้วที่สยามดิสคัฟเวอรี่

เจมี่ส์ อิตาเลี่ยน เปิดสาขาแรกในประเทศไทยแล้ว ณ ใจกลางกรุงเทพฯ ที่ สยามดิสคัฟเวอรี่ ซึ่งเพิ่งทำการปรับรูปโฉมใหม่ โดยบริษัทโฮเต็ล พร็อพเพอร์ตีส์ ลิมิเต็ด และบริษัทสยามพิวรรธน์ จำกัด มีความยินดีที่จะนำเสนอร้านอาหารอิตาเลี่ยนสไตล์โฮมเมดเสิร์ฟอาหารรสอร่อยในราคาที่ทุกคนจ่ายได้สบายๆ

Jamie's Italian Stratfor

เจมี่ส์ อิตาเลี่ยน เกิดจากความร่วมมือระหว่าง เจมี่ โอลิเวอร์ และ เจนนาโร คอนทาลโด ที่ปรึกษาของเขา โดยเปิดสาขาแรกที่เมืองอ็อกซ์ฟอร์ด เมื่อปี พ.ศ. 2551 ปัจจุบันมีสาขาในประเทศสหราชอาณาจักรรวม 42 สาขา และมีสาขาในนานาประเทศทั่วโลกอีกจำนวน 25 สาขา รวมทั้งในออสเตรเลีย ดูไบ บราซิล และสิงคโปร์

เช่นเดียวกับร้านอาหารเจมี่ส์ อิตาเลี่ยนทุกสาขา ร้านที่สยามดิสคัฟเวอรี่ยังคงมุ่งมั่นในการเสาะแสวงหาเฉพาะส่วนผสมที่ดีที่สุด ผ่านกระบวนการผลิตอย่างมีจรรยาบรรณและยั่งยืน รวมถึงการใช้เนื้อสัตว์ที่มาจากระบบการเลี้ยงแบบปล่อย คำนึงถึงคุณภาพชีวิตที่ดีของสัตว์ โดยสูตรอาหารทั้งหมดของร้านเป็นอาหารอิตาเลี่ยนต้นตำรับ รสชาติอร่อยล้ำในแบบฉบับของเจมี่ส์ รวมถึงพาสต้าทำสดใหม่วันต่อวันภายในร้าน นอกจากนี้ ทางร้านได้ทำงานร่วมกับเกษตรกรและผู้ผลิตจัดหาวัตถุดิบในประเทศไทยอย่างใกล้ชิดเพื่อใช้ผลิตผลภายในประเทศในการทำอาหาร

เมนูไฮไลต์

jamiesitalian-2

รายการอาหารจานเด่นที่ร้านเจมี่ส์ อิตาเลี่ยน สยามดิสคัฟเวอรี่ ประกอบด้วย Antipasti Planks เซ็ตอาหารแอพพิไทเซอร์ยอดนิยม เหมาะสำหรับรับประทานร่วมกัน จัดเสิร์ฟบนถาดไม้แผ่นใหญ่ มีกระป๋องซอสมะเขือเทศเป็นฐานรอง โดยอาหารเซ็ตนี้ประกอบด้วยเนื้อสัตว์ ชีส ผัก และเครื่องเคียงดอง มีให้เลือกหลากหลายชนิด

เจมี่ส์ อิตาเลี่ยนทุกสาขาเสิร์ฟพาสต้าเส้นสดที่ทำวันต่อวันภายในร้าน โดยสาขาสยามดิสคัฟเวอรี่จะมีเมนูพาสต้ายอดนิยมให้เลือกมากมาย เช่น Gennaro’s Tagliatelle Bolognese, Silky Spaghetti Carbonara และ Fresh Crab Spaghetti รวมทั้ง Prawn Linguine ที่เป็นอาหารจานคลาสสิกของร้านเจมี่ส์ อิตาเลี่ยน ถูกใจคนทั่วโลก

นอกจากนี้ ยังมีแป้งพิซซ่าที่ทำขึ้นอย่างประณีตพิถีพิถัน ด้วยวัตถุดิบชั้นเยี่ยม โดยใช้มือทำทั้งหมด และใช้เวลาหลายชั่วโมงให้แน่ใจว่าสามารถนวดแป้งได้แล้ว เพื่อให้ได้แป้งกรุบกรอบน่าหม่ำ ส่วน Margherita สุดเรียบง่ายแต่คลาสสิก และ Funghi ที่ใช้เห็ดตามฤดูกาลเป็นส่วนประกอบ ก็เป็นสองในเมนูพิซซ่าที่พร้อมเสิร์ฟให้ลิ้มลองความเอร็ดอร่อย

ส่วนอาหารจานหลักสไตล์อิตาเลี่ยนมีให้เลือกทั้ง Chicken Al Mattone อาหารจากแคว้นทัสกานี เป็นเนื้อไก่ที่นำไปย่างไว้ใต้ก้อนอิฐ โดยน้ำหนักของอิฐจะช่วยกดเนื้อไก่ให้ติดกับตะแกรงของเตาย่าง ทำให้ได้รสชาติหอมรมควัน หนังกรุบกรอบที่ลองแล้วจะติดใจ The Jamie’s Italian Burger เป็นอาหารจานหลักประจำร้าน และ Grilled Pork Chop เสิร์ฟคู่กับกากหมู ล้วนเป็นเมนูต้องลิ้มลอง สำหรับใครที่กำลังมองหาอาหารมื้อเบาๆ ขอแนะนำ Classic Super Food Salad เมนูสลัดที่นับเป็นสุดยอดของการผสมผสานแบบใหม่ จากอะโวคาโด หัวบีตอบ ถั่วและธัญพืช บร็อคโคลินี ผักชีล้อม ทับทิม และเมล็ดพืชรสเผ็ดร้อน ราดด้วยน้ำสลัดฮาริสซาและชีสริคอตต้าแบบทำมือด้วยกรรมวิธีดั้งเดิม

เจมี่ส์ อิตาเลี่ยน ยังเป็นร้านอาหารในดวงใจสำหรับครอบครัว ฉะนั้น ทางร้านจึงเตรียมเมนูสำหรับเด็กที่ได้รับรางวัลไว้บริการที่สาขาในประเทศไทยด้วย Soil Association องค์กรชั้นนำที่ส่งเสริมด้านอาหารและการทำปศุสัตว์แบบออร์แกนิกในสหราชอาณาจักร ได้มอบรางวัลเมนูอาหารสำหรับเด็กที่ดีที่สุดให้กับทางร้านในสหราชอาณาจักรในปี พ.ศ. 2556 เมนูนี้จะเสิร์ฟเป็น 2 ขนาดสำหรับช่วงอายุที่แตกต่างกัน โดยเมนูอาหารทั้งหมดได้รับการปรุงเพื่อให้ได้โภชนาการที่สมดุล เด็กๆ สามารถใช้กล้อง 3 มิติส่องดูรายการอาหารได้ และยังเพลิดเพลินไปกับกิจกรรมที่ทางร้านเตรียมไว้ให้ นั่นคือกระดาษระบายสี

หากคุณรักประสบการณ์แบบเจมี่ส์ อิตาเลี่ยนแล้วละก็ อย่าลืมซื้อของที่ระลึกติดมือกลับบ้านไปด้วย เจมี่ส์ อิตาเลี่ยน สยามดิสคัฟเวอรี่ มีตำราอาหารของเจมี่หลากหลายเล่ม และผ้าเช็ดปากปักชื่อร้าน รวมทั้งของขวัญ เพื่อให้คุณได้สร้างสรรค์ประสบการณ์ในแบบฉบับเจมี่ส์ อิตาเลี่ยนต่อที่บ้าน

การตกแต่งภายใน

jamiesitalian-4

ร้านเจมี่ส์ อิตาเลี่ยนทุกสาขาได้รับการออกแบบเพื่อให้เข้าถึงได้ง่าย ด้วยบรรยากาศที่อบอุ่นแสนสะดวกสบาย พร้อมสอดแทรกลักษณะเด่นของเมืองที่ร้านไปเปิดสาขา ดีไซน์ของร้านที่สาขาสยามดิสคัฟเวอรี่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากสถานที่ตั้ง สร้างสรรค์เป็นร้านอาหารที่มีความเป็นกันเอง เป็นที่ที่ทุกคนในครอบครัวสามารถมาสนุกร่วมกันได้

ร้านเจมี่ส์ อิตาเลี่ยน สยามดิสคัฟเวอรี่ สามารถพร้อมรองรับแขกได้ 184 ที่นั่ง พื้นที่ภายในโดดเด่นด้วยการผสมผสานอย่างมีรสนิยม ระหว่างโต๊ะอาหารทำจากไม้ที่ไม่ใช้แล้วและนำมาแปรรูปใหม่ โต๊ะสังกะสีสไตล์อินดัสเตรียลชิค และเก้าอี้เลานจ์หุ้มเบาะสไตล์วินเทจ พื้นกระเบื้องตกแต่งเป็นสีเดียว มีลายดอกไม้วาดด้วยมือ และเพื่อเติมกลิ่นอายของความอบอุ่น บริเวณสำหรับรับประทานอาหารจะมีแสงสว่างเรืองรองจากโคมไฟทองเหลือง มีการเลือกใช้เฉดสีเงาแนววินเทจ และประดับโคมไฟระย้าแก้วที่เล่นกับเท็กซ์เจอร์

jamiesitalian-5

jamiesitalian-3

เพราะการใช้พื้นที่อย่างสร้างสรรค์นี้เอง ทำให้แขกที่มาสามารถมองเห็นครัวเปิด ชมเชฟทำ Antipasti Planks ตรงหน้าที่มุมแอพพิไทเซอร์ภายในโซนรับประทานอาหารหลักได้ หรือจะพักผ่อนหย่อนใจพลางจิบเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ก่อนและหลังอาหารที่เจมี่ส์บาร์

พร้อมเปิดบ้านต้อนรับคุณ

ซาร่า สมิธ ผู้จัดการทั่วไป รู้สึกยินดีที่จะให้การต้อนรับคุณสู่ร้านเจมี่ส์ อิตาเลี่ยน สาขาแรกในประเทศไทย เธอได้รับเลือกให้เป็นผู้ชนะรางวัลดาวรุ่งในระดับนานาประเทศ (International Rising Star Award) ของเจมี่ส์ อิตาเลี่ยน ประจำปี 2558/2559 ซาร่า ทำงานอย่างใกล้ชิดร่วมกับ อเล็กซ์ บาร์แมน หัวหน้าเชฟ และพนักงานชาวไทย เพื่อให้มั่นใจว่าร้านอาหารสาขาใหม่นี้พร้อมที่จะต้อนรับแขกผู้มาเยือนแล้ว

เจมี่ โอลิเวอร์ กล่าวว่า “ผมรู้สึกตื่นเต้นมากที่ได้พาเจมี่ส์ อิตาเลี่ยน มาเปิดในเมืองไทย กรุงเทพเป็นเมืองที่คึกคัก ชีวิตชีวา มีร้านอาหารที่เจ๋งมากๆ และทางเราก็อดใจรอไม่ไหวที่จะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของที่นี่ เราจะเสาะแสวงหาผลิตผลชั้นเยี่ยม คุณภาพสูงจากบรรดาสุดยอดผู้ผลิตและจัดหาวัตถุดิบภายในประเทศ แล้วนำมาปรุงอาหารที่เราเชื่อสุดหัวใจว่าคุณจะต้องรักมัน เรากำลังมาแล้ว แวะมาที่ร้านเรานะ!”

ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเจมี่ส์ อิตาเลี่ยน

ร้านเจมี่ส์ อิตาเลี่ยน เกิดจากความร่วมมือระหว่างเซเลบริตี้เชฟชาวอังกฤษ เจมี่ โอลิเวอร์ และ เจนนาโร คอนทาลโด ร่วมกันเปิดร้านสาขาแรก ณ เมืองอ็อกซ์ฟอร์ด ประเทศสหราชอาณาจักร (อังกฤษ) เมื่อปี พ.ศ. 2551 ปัจจุบันมีสาขาในประเทศอังกฤษรวม 42 สาขา และมีสาขาในนานาประเทศทั่วโลกอีกจำนวน 25 สาขา รวมทั้งใน ออสเตรเลีย ดูไบ บราซิล และสิงคโปร์

ข้อมูลเพิ่มเติม ที่เว็บไซต์ www.jamiesitalian.co.th

ติดตาม Jeab.com
Jeab.com มี LINE แล้วนะ
ติดตามเรื่องราวไลฟ์สไตล์ทันสมัยสำหรับผู้หญิงยุคดิจิตอล ได้ทุกวันผ่าน LINE ID @jeabdotcom

Jeab

Jeab.com ตอบโจทย์ “ผู้หญิงรุ่นใหม่” ด้วยไลฟ์สไตล์ของผู้หญิงในยุคดิจิตอล

No Comments Yet

Leave a Reply

Your email address will not be published.

You may use these HTML tags and attributes: <a href="" title=""> <abbr title=""> <acronym title=""> <b> <blockquote cite=""> <cite> <code> <del datetime=""> <em> <i> <q cite=""> <s> <strike> <strong>


This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.